หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เรื่องจริงที่ไม่เคยมีใครรู้ "วัดพระธรรมกาย "


ที่มา http://rabob.tripod.com/mati21.html
ที่มา http://mblog.manager.co.th/hanzen/1-3-2542/
อ่านเรื่องเต็ม ๆทั้งหมดได้ ที่่ http://www.oknation.net/blog/buddhacore/2012/04/04/entry-1



สัมภาษณ์ พระอิดศักดิ์ วิริยสกกโก อดีตพระเหรัญญิก วัดพระธรรมกาย แฉนิยายเรื่อง 'แม่ชีจันทร์ ขนนกยูง' หน้า 2 นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม 2541
Posted by ฉึกกะฉัก on December 24, 1998 at 12:49:14:

@สมัยที่อยู่วัดพระธรรมกายทำหน้าที่อะไรบ้าง  
ตอนนั้นเขาให้เป็นเหรัญญิก ใหม่ๆเงินทองทุกอย่างต้องฝ่านมืออาตมา แต่พอนานไปเป็นลักษณะอัตตาธิปไตย ทุกอย่างต้องเป็นไปตามคำบัญชาของเจ้าอาวาส เมื่อเป็นเช่นนั้นอาตมาขี้เกียจเข้าไปยุ่ง ใครส่งเช็คมา ส่งเงินมาให้เซ็นก็เซ็นไปอย่างนั้น และการเซ็นชื่อต้องเซ็นสามคน คือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาส พระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาส และอาตมา ตอนนั้นความคิดมีว่าคงไม่โกง ***เพราะเป็นพระนี่โกงเงินแค่บาทเดียวก็ปราชิกแล้ว ฉะนั้นจึงไม่หวาดระแวงว่าจะมีการโกง*** เซ็นเช็คให้เป็นปึกๆแล้วให้ไปเติมตัวเลขเอาเอง ส่วนใหญ่เป็นเงินบริจาคจากญาติโยมทั้งนั้น เดิมทุกอย่างจะทำอะไรมีการประชุมกัน แต่ตอนหลังไม่มี ใช้วิธีเจ้าอาวาสสั่งการ
@ทำไมจึงออมาจากวัดพระธรรมกาย  
ออกมาเพราะเรื่องเงินมีลับลมคมในมาก และนำเงินไปใช้ไม่ถูกประเภท ยกตัวอย่าง ขอเบิกเงินไป "ซื้อพระผู้ใหญ่"บางรูป เอาไว้ใช้งาน อาตมาก็ไม่ให้ เพราะตอนนั้นแรกๆอาตมาเป็นผู้เซ็นเช็ค เมื่ออาตมาไม่เซ็นจึงเกิดความปีนเกลียวกันขึ้น ตอนหลังออกดีกว่า
@พระผู้ใหญ่ที่ว่าไปซื้อหมายถึงใคร  
เรื่องนี้มีผู้รู้ดีคือ ท่านเมตตา นันโท ความคิดของเขา คือ ต่อไปพระองค์นี้จะเป็นใหญ่เป็นโต เอาเงินแค่นี้ไปซื้อไม่หนักหนาอะไร อาตมาให้เหตุผลว่าเป็นไปไม่ได้เพราะเงินนี้ประชาชนบริจาคมาเพื่อให้สร้างวัดทำบุญ ไม่ได้บริจาคมาให้ซื้อ"พระผู้ใหญ่" เจ้าอาวาสต้องการเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาของโลก ซึ่งตรงข้ามกับปณิธานที่เคยคุยกันไว้ คือ มักน้อย สันโดษ ประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างเดียว แต่ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงเป็นหน้ามือหลังมือ
@เกี่ยวกับเรื่องแม่ชีจันทร์ ขนนกยูง เป็นผู้ก่อตั้งด้วยหรือไม่
 อยากคุยเรื่องนี้เหมือนกัน เห็นบอกว่าวันที่ 27 ธันวาคมนี้เป็นวันเกิด แม่ชีจันทร์ เขาประโคมให้ลูกศิษย์ลูกหาไปวันเกิดแม่ชีจันทร์ อาตมาอยากพูดเรื่องนี้มาก คือ ประวัติของยายจันทร์จริงๆ มีแม่ชีชื่อจันทร์จริง แต่คนที่วัดพระธรรมกายนี้เป็นเพียงแม่ชีธรรมดา ที่เคยเป็นคนรับใช้แม่ชีทองสุก ซึ่งเก่งในทางวิปัสสนาที่วัดปากน้ำ เมื่อแม่ชีทองสุกสิ้นไปแล้ว แม่ชีจันทร์คนนี้เลยสวมรอยตั้งตัวเป็นอาจารย์ บังเอิญนายไชยบูลย์ หรือพระธัมมชโย ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มมาเจอเข้าได้กราบไหว้เป็นครูบาอาจารย์ของตัวเอง ประกอบกับพระธัมมชโยไปอ่านหนังสือวิปัสสนาบันเทิงสารของ "แม่ชีวรมัย กบิลสิงห์" เลยอุปโลกน์กันขึ้นมาเขียนนิยายแม่ชีจันทร์นั่งสมาธิจนถอดร่างไปปัดระเบิดสมัย
สงครามโลกให้ไปตกที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น ทำให้คนญี่ปุ่นตายเป็นแสนๆคน แต่คนไทยปลอดภัย เป็นความดีใจ ภูมิใจของเยาแล้วโฆษณาเรื่องนี้มาตลอด
อยากถามคำเดียวว่าที่คนเรามีจิตวิปริตถึงขั้นปัดระเบิดปรมาณูไปฆ่าคนเป็นแสนนี้คือสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ น่าภูมิใจหรือ ถ้าทำได้นะ แต่ความจริงแล้วเรื่องนี้เป็นนิยายประโลมโลกที่แต่งขึ้นให้คนหลงเชื่อในอภินิหาร นี่มันบาปกรรมหันต์เลย
เขาอุปโลกน์ยายจันทร์คนนี้ขึ้นมาเป็นผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชชาธรรมกายมาจากวัดปากน้ำ มีฤทธิ์เดชสูงมาก สามารถเอากายมนุษย์พร้อมับอาหารขึ้นไปถวายพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน กับตัวจริงของพระพุทธเจ้านับอสงไขยพระองค์ มีการบอกกันว่าทำบุญกับพระพุทธเจ้า เช่น พระสมณโคดมยังไม่ได้บุญมากเท่ากับทำบุญกับพระพุทธเจ้าตัวจริงบนสวรรค์ที่มีอสงไขยพระองค์ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เป็นการขายบุญ เป็นการมอมเมาขายบุญอย่างสิ้นคิด ทำให้คนหลงไปคิดว่าเป็นอย่างนั้นจริง ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงไม่ต้องทำอะไรมาก เอาเงินไม่กี่บาทไปซื้อบุญแล้วไม่ต้องตกนรก
@เรื่องแม่ชีจันทร์ถอดกายไปปัดระเบิด แม่ชีจันทร์พูด หรือพระธัมมชโยพูด
นายไชยบูลย์เป็นคนเขียนนิยายร่วมกับแม่ชีจันทร์เพื่อหลอกลวงชาวบ้าน การนำข้าวที่ญาติโยมนำมาไปถวายพระพุทธเจ้าบนพระนิพพานเป็นวิธีการ
เลี่ยงปาราชิกของนายไชยบูลย์ จึงเชิดหุ่นขึ้นมาเอายายชีนี่แหละเพราะไม่รู้เรื่องอะไร อ่านหนังสือก็ไม่ออก ความที่เรากำลังน้อยก็ได้แต่ซุบซิบกันเอง เพราะอิทธิพลเขามากทั้งการเงินการทอง
@เรื่องรูปปั้นหลวงพ่อสดทองคำ 1 ตัน เป็นอย่างไร
เป็นรายการ"ตกทอง" "ต้มตุ๋นเศรษฐี" บอกว่าเป็น"ทองคำบริสุทธิ์"ด้วยนะ เอามาหล่อรูปหลวงพ่อวัดปากน้ำ แต่ทำไม่ได้หรอก เพราะเทคโนโลยีเมืองไทยยังไม่ถึงขั้นที่จะไปหล่อทองมากมายขนาดนี้ แต่เป็นเทคนิคการหากินอย่างหนึ่งเท่านั้น อาตมาคุยกับช่างมาเยอะแยะแล้ว ช่างบอกว่าทำไม่ได้ เพราะทองระเหยความร้อนได้เร็วมากและหนืดตัว พอเทปุ๊บมันจะไม่ไหล การไหลตัวน้อยมาก อาตมาเคยลองทำแล้ว ทำได้อย่างสูงสุดแค่ 9 นิ้ว ถือว่าอัศจรรย์แล้ว แล้วเยอะแยะขนาดนี้ ใช้วิธีพลิกแพลง คือ"แหกตา"
อาตมาอยากให้ "มติชน" ช่วยเป็นสื่อกลางประกาศให้ญาติโยมที่เคยเสีย"ลูกสาว" เสีย"ภรรยา" เสีย"เงิน"ไป ให้ออกมาประกาศให้คนอื่นได้รับรู้อย่าอาย คนอื่นจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ จะได้รู้ตัวถอยฉากกลับไป เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย อาตมาก็เคยโดนหลอกมาแล้ว ยังไม่อาย อยากให้ออกมาแสดงตัวกันมากๆ แล้วขอร้องให้ญาติโยมทั้งหลายเปิดใจให้กว้างรับฟังเหตุผล แล้วพิจารณา
หมายเหตุ พระอดิศักดิ์ วิริยสกโก เป็นพระลูกวัดพระธรรมกายรุ่นบุกเบิกร่วมกับ พระธัมมชโย พระทัตตชีโว พระเมตตา นันโท ซึ่งเจ้าอาวาสได้ตั้งให้เป็นพระเหรัญญิกของวัดทำหน้าที่ดูแลด้านการเงิน ตอนหลังได้ออกจากวัดไปจำพรรณาที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ นับเป็พระรุ่นบุกเบิกอีกรูปที่เปิดตัวออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย







ที่มา http://b2b2.tripod.com/dailynews/scoop19981217.htm


ศิษย์เอกออกซ์ฟอร์ด  เปิดม่านดำธรรมกาย
ใน บรรดาศิษย์เอกของวัดพระธรรมกาย ซึ่งดร.อภิญญา เฟื่องฟูสกุล อาจารย์ประจำ คณะสังคมวิทยามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้อ้างถึงในงานวิจัยเรื่องวัดพระธรรมกาย
ที่ได้รับการสนับสนุนการวิจัยศูนย์พุทธศาสนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้นพระรูปที่สำคัญคือ ท่านเมตตา นันโทภิกขุ ซึ่งได้รับปริญญาเกียรติ นิยมด้านภาษาสันสกฤตจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และกำลังศึกษาปริญญาเอก อยู่ในมหาวิทยาลัยฮัมบรู๊ก เพราะถือว่าเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่เข้ามาปรับปรุงวัดให้มีประสิทธิ ภาพ
    แต่วันนี้พระมโน เมตตานันโท หรือ อดีตนายแพทย์มโน เลาหวณิช หันหลังให้กับวัดพระธรรมกายแล้ว และเข้ามาเป็นที่ปรึกษาฝ่ายกิจการพระพุทธศาสนาในเลขาธิการใหญ่องค์การสัมมนา ศาสนา
พระมโน กล่าวกับ "เดลินิวส์" ว่าเมื่อ 25 ปี ก่อนวัดพระธรรมกายเป็นวัดที่มีความอบอุ่น มีคุณยายจันทร์ ขนนกยูง เป็นหลัก แต่ต่อมาค่อยยกฐานะของพระให้สูงขึ้นเช่นเจ้าอาวาสจากหลวงพี่ไชยบูลย์ ธัมมชโย ก็ต้องเรียกว่าหลวงพ่อ
"คุณยายจันทร์มักจะเตือนสติหลวงพ่อธัมมชโยอยู่เสมอว่า ให้มักน้อย-สันโดษ อย่าไปขยายอะไรให้มันมาก นี่เป็นคำสอนประจำ พร้อมบอกว่าวัดนี้ต้องมีพระประจำอยู่มากที่สุดไม่เกิน 20 รูปเท่านั้น ไม่ทำอะไรอย่างอื่นนั่งสมาธิกัน คือปิดวัด เมื่อก่อนมีแต่ศาลาเล็กเป็นทั้งโบสถ์และศาลา จะใช้เพียงที่เดียว และตกลงกันว่าจะปฏิบัติ ธรรมกันโดยจะไม่มีการรบกวนญาติโยม มีการปลูกสวนผักไว้รับประ ทาน ยุคนั้นเป็นยุคแรกและเป็นยุคเดียวที่สงบและอบอุ่นประมาณปี 2518-2524 มีพระอยู่เพียง 8-10 รูป ขณะนั้นอาตมาเรียนแพทย์อยู่ ถวายกายถวายใจทุ่มเทให้วัด โดยไม่มีความสงสัยอะไรในตัววัดเลย เพราะช่วงนั้นเรื่องระบบการเงินก็โปร่งใส แต่ขณะนี้การจ่ายเงินอยู่ที่เจ้าอาวาสองค์เดียว"
      พระมโนบอกอีกว่าเมื่อวัดเริ่มขยายใหญ่ขึ้นมาจนเกิดการเปลี่ยนแปลง มาก โดยเฉพาะ เมื่อโทรศัพท์เข้ามา ความสะดวก ต่าง ๆ ก็เพิ่มขึ้น ทุกอย่างชักจะยุ่ง พระเริ่มมีการสั่งงานกันทางโทรศัพท์ ความใกล้ชิดกับพระสงฆ์ในวัดก็ลดน้อยลง และก็มีญาติโยมภายนอกโดยเฉพาะนักธุรกิจเข้ามามี บทบาทมากขึ้น ๆ เรื่อย ๆ
       นอกจากนั้น จุดเปลี่ยนสำคัญของ วัดพระธรรมกายคือ การเข้าไปทำธุรกิจ โดยเมื่อปี 2525 ได้ตั้ง บริษัท ดูแวค ซึ่งรวบ รวมเอาญาติโยมที่เป็นแหล่งเงินทุนหลายคนร่วมด้วย และก็เริ่มมีการซื้อที่ดินขยายวัดไป 1,000 ไร่ โดยอ้างว่ามีเสียงดังรบกวนจากวัดใกล้เคียงทำให้ไม่มีสมาธิ
"อาตมานึกว่าจะดีแต่ก็ไม่เป็นดังที่คาด เพราะมีการกว้านซื้อที่ดินจนเกิดข้อพิพาทกันเป็น 2,600 ไร่ และมีการซื้อที่อีกมากมายที่ต่างจังหวัด อย่างเช่น ที่เชียงใหม่ 4,000 ไร่, ศรีสะเกษประมาณ 8,000 ไร่และที่ตามอุทยานแห่งชาติอีก"
      ขณะเดียวกันเจ้าอาวาสก็เปลี่ยนไปมาก จนน่าตกใจ พร้อม ๆ กับการเสื่อมอายุสังขารของคุณยายจันทร์ สุดท้ายคุณยายจันทร์กลายเป็นสัญลักษณ์ของวัดไป
"อาตมาโชคดีกว่าใครเพื่อน สอบเข้าได้ไปเรียนที่ออกซ์ฟอร์ด ทางวัดก็เห็นช่องทางในการสร้างชื่อเสียง ก็เลยส่งเสริมเป็นอย่างดี อาตมาจะเขียนจดหมายจากประเทศอังกฤษเพื่อเจริญศรัทธา อาตมาได้สร้างโครงการพระไตรปิฏกคอมพิวเตอร์คนแรก เพราะชอบเรียน เมื่อตอนอยู่จุฬาฯ ปี 2 เราก็รู้หลักว่าเครื่องนี้มันใช้ได้ จนในที่สุดหลวงพ่อก็ลงนามเซ็นโครง การ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2527 อาตมาก็เริ่มลงมือทำ บริษัทที่มาช่วยคือ เดต้าแมท ก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง"
    พระมโนเล่าให้ฟังอีกว่าในปี 2530 เมื่อเรียนจบก็เดินทางกลับเมืองไทย เรื่องวัดพระธรรมกายกำลังดัง การกลับมาครั้งนี้ทำให้รู้สึกสลดใจมาก เพราะได้เห็นอะไรหลายอย่าง ในเรื่องธุรกิจที่เกี่ยวพันกับวัดพระธรรมกาย ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว "ต่อมาก็มีธุรกิจค้าที่ดิน โครงการตะวันธรรมและโครงการอะไรต่อมิอะไรอีกมาก โดยเฉพาะเกี่ยวกับโครงการสวนป่า คือ ให้มีการเวนคืนที่บริเวณล้อมรอบวัด โดยให้วัดเป็นไข่แดง จากนั้นก็ปลูกป่าโดยรอบ ด้วยการใช้เงินของราชการ แต่เรื่องก็ตกไปเพราะกรรมการเขาสงสัยว่ามันมีเลศนัย ว่าทำไมต้องทำกันใหญ่ขนาดนี้"
      นอกจากนั้น ในสมัยที่ นายชวน หลีกภัย ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรได้มีการผลักดันโครงการอบรมเยาวชน ที่เขาใหญ่ ที่มีกำหนดสร้างอาคารให้เสร็จภายใน 72 ชั่วโมง และมีลูกศิษย์ของวัด ซึ่งเป็นข้าราชการในกรมป่าไม้ ผลัก ดันและสนองนโยบาย โดยได้มีการโทรศัพท์มาที่วัดพระธรรมกาย ให้เกณฑ์คนมาทำเสร็จตามกำหนด ครั้งนั้นมี พระชิดชัย ชิโต ซึ่งจบวิศวบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ดูแลควบคุมการก่อสร้าง
     พระมโนรำลึกถึงความหลังอีกว่าใน ปี 2525-2526 มีเรื่องเกิดขึ้นเกี่ยวกับพระชิดชัย ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่จุฬาฯ ของพระมโน โดยพระชิดชัยทำงานหนักอาบเหงื่อต่างน้ำทุ่มเทเพื่อวัดทุกอย่างโดยไม่มี เงื่อนไข ไม่หลับไม่นอน แต่พระชิโตเริ่มมีอาการทางจิต พระมโนปรึกษากับพระหลายรูปว่า ต้องส่งท่านไปโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม ก็มีการต่อต้านว่าการส่งพระชิโต ไปโรงพยาบาลเป็นการทำลายวัด เพราะวัดที่ฝึกจิตกลับมีพระที่มีอาการทางจิต "สุดท้ายอาตมาและพวกได้นำท่านไปโรงพยาบาล พอหายแล้วก็กลับมา แต่ไม่ได้รับความสนใจเหมือนไม่มีท่านอยู่ในวัด ไม่ทักไม่พูดโดนบีบสารพัดอย่าง ทำให้ท่านคิดมากกินยาคืนวันจันทร์ พบศพวันอังคารเช้าที่กุฏิ ทางวัดได้ปิดเรื่องนี้เงียบ ตอนนั้นก็ได้เรียนท่านนายอำเภอ  
               หลวงพ่อทัตตชีโวเป็นคนจัดการ เจ้าอาวาสไม่อยู่ร่วมไปขึ้นดอย ก็มีการจัดงานศพ รดน้ำ ทำพิธีต่าง ๆ ที่ศาลา"หลังจากกลับจากลอยเถ้ากระดูก เถ้าอังคารพระชิโต ที่ชลบุรี พระมโนกล่าวว่ารู้สึกวัดนี้ไม่ใช่วัดแล้ว ผิดทางวิธีการบริหารเริ่มมีปัญหามาก เวลาประชุมก็เงียบไม่พูดกัน เริ่มแตกเป็นเสี่ยง ๆ พระก็เริ่มจับกลุ่ม เกิดจากเรื่องความไม่ไว้วางใจมากขึ้น ๆ
       ปี 2530-2531 ภาวะวัดย่ำแย่ พระข้างในรวมตัวกันไม่ติด พระบางรูปเกิดความสับสน การปกครองไปไม่ทั่วถึง มีกฎเหล็กคือกางเกงเหล็ก ใครสวมได้ปฏิบัติตามได้ก็อยู่ได้ สวมไม่ได้ ปฏิบัติตามไม่ได้ก็ออกจากวัดไปและนับจากนั้นมา พระมโนจึงออกจากวัดพระธรรมกาย และไม่ได้หันกลับเข้าไปหาอีกเลย...

6 ความคิดเห็น:

  1. ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวไปปิดไม่มิดหรอก กลิ่นเน่ามันฉาวโฉ่ ทำมะชะโยเตรียมรอรับผลกรรมที่ได้ทำไว้เถิด

    ตอบลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  3. คนที่ได้ชื่อว่า คนธรรมกาย ถูกเค้าเอาเรื่องบุญ มาชัดจูง คนฉลาดดลายเป็นโง่โดยไม่รู้ตัว.

    ตอบลบ
  4. กาลเวลา จะเป็นเครื่องพิสูจน์

    ตอบลบ
  5. ของดีเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ถ้าต้มตุ๋นจริง จะทำได้นานเหรอ
    คนดี ไม่มีวันตายจากศรัทธา ใครทำอะไรก็รู้อยู่แก่ใจ อ่านจากพระไตรปิฎก แม้ในสมัยพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีบุญบารมีมาก ก็ยังมีพระเทวทัต เออ ก็ทำให้เห็นสัจจธรรม
    โลกนี้ ไม่เที่ยง รีบสร้างบุญบารมีติดตัวไป นั

    ตอบลบ